วันพฤหัสบดีที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552

การขุดย้ายต้นไม้จากป่าในอดีตนั้นพันธุ์ไม้ที่จะนำมาดัดส่วนมากจะไปเลือกหาและขุดออกมาจากป่า ในสมัยนั้นไม้ในป่าหรือในธรรมชาติยังมีอยู่มากจึงหาได้ง่าย แต่การขุดต้นไม้จากป่าจากธรรมชาติแล้วขนย้ายมาปลูกตามที่ต้องการนั้น ต้องถือเป็นภูมิปัญญาของคนโบราณที่ควรแก่การยกย่อง เริ่มตั้งแต่พิจารณาเลือกต้นไม้ตามความต้องการได้แล้วจะกระทำการขุดล้อมให้ตัวไม้นั้นรู้สึกตัวเสียก่อนสักระยะหนึ่ง โดยมีรากฝอยมากๆส่วนรากใหญ่และรากแก้วก็ให้ตัดทิ้งออกบ้าง เหลือไว้เพียง 1-2 ราก เมื่อเห็นว่าต้นไม้นั้นสามารถที่จะปรับตัวได้แล้วจึงขุดขึ้นมา ในปัจจุบันมักไม่มีการขุดล้อม แต่จะใช้วิธีขุดย้ายในเวลาเดียวกัน เพราะต้นไม้หายากและต้องเสียเวลาและค่าใช้จ่ายในการไปเสาะหาในท้องถิ่นที่ห่างไกล และต้นไม้ที่ถูกขุดล้อมไว้นั้นก็เสี่ยงต่อการสูญหายการขุดย้ายต้นไม้นั้นขั้นแรกต้องถากถางบริเวณโดยรอบให้เตียนและปัดกวาดให้โล่งเรียบเพื่อป้องกันสัตว์อันตราย เช่น งู ตะขาบ แมลงป่อง ใช้มีดฟันส่วนของต้นไม้ที่ไม่ต้องการทิ้ง ถ้าเป็นกิ่งใหญ่ก็ต้องใช้เลื่อย แล้วจึงใช้กรรไกรตัดแต่งกิ่งเล็กกิ่งน้อยให้เรียบร้อย เพื่อไม่ให้เกะกะกีดขวางการทำงาน กำหนดหลุมขุดโดยรอบต้นหรือตอไม้ให้ห่าง 4-5 นิ้ว โดยวางฝ่ามือลงในระยะห่างจากนิ้วชี้ถึงนิ้วก้อย (ไม่นับนิ้วหัวแม่มือ) ขั้นตอนต่อไปใช้จอบขุดบุกเบิกเพื่อความรวดเร็ว ขุดหลุมให้กว้างๆสะดวกแก่การจะใช้ชะแลงขุดเซาะต่อ ขณะที่ขุดหลุมโดยรอบต้นไม้นั้นต้องระวังอย่าให้ตุ้ม (ดินที่ห่อหุ้มโดยรอบต้นไม้)แตก ถ้าตุ้มแตกแล้วเปอร์เซ็นต์ที่ต้นไม้จะรอดตายมีน้อยมาก (ถ้าตุ้มแตกควรโกยดินกลบหลุมที่ขุดแล้วกลับมาขุดใหม่ในปีต่อไป) ในขณะที่ขุดหากพบรากแขนงให้ใช้เลื่อยเล็กค่อยๆตัดรากและเจียนตุ้ม จนมนที่สุดจะพบรากแก้วอยู่ตรงส่วนที่ลึกสุดใช้ชะแลงแทงให้รากแก้วขาดแล้วนำมาเกราแต่งตุ้มตัดรากให้เรียบร้อย ใช้ถุงพลาสติกขนาดใหญ่ผ่าข้าง หุ้มมัดด้วยเชือกปอให้แน่นกันตุ้มแตกเมื่อได้รับการกระทบกระเทือนระหว่างขนย้าย

วันศุกร์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2552


:: การเลี้ยงไม้จากตอ ::

การเลี้ยงไม้จากตอมีขั้นตอนดังนี้

1. เมื่อได้ตอไม้มาให้นำมาเลี้ยงในกระถางใบใหญ่ ๆ ก่อนเพื่อจะได้ดินมาก ๆ ไม้จะได้โตเร็วขึ้น โดยตัดให้เตี้ยหรือสูงก็ได้ขึ้นอยู่กับต้นไม้นั้น บางครั้งต้นที่ได้มาอาจตัดให้ยอดค่อย ๆ เล็กลงได้โดยไม่ต้องตัดทิ้งทั้งหมดช่วยลดเวลาการเลี้2.เมื่อไม้เริ่มแตกมาสักระยะหนึ่งกิ่งแข็งแรงพอก็เริ่มคัดเลือกกิ่งที่จะไว้ทำเป็นยอดไม้ไว้รวมทั้งเลือกกิ่งที่จะทำเป็นกิ่งหลักไว้ด้วยโดยเลี้ยงไปพร้อม ๆ กับการเลี้ยงยอดไม้หากไม่เลี้ยงไปพร้อมกับมาเลี้ยงที่หลังจะใช้เวลานาน ใช้ลวดดัดให้กิ่งที่จะทำเป็นยอดไม้ชี้ขึ้น ดังรูป ยงได้หลายปี หากตอใหญ่มากอาจจะปลูกลงดินก็ได้ ดังรูป

4.เมื่อยอดไม้โตพอสมควรก็ให้ตัดไม้ทิ้งเหลือไว้ประมาณ 1ใน 3 หรือ 1 ใน 4 ของลำต้นเหลือไว้พอเหมาะสมกับลำต้น ดังรูป 5.ทำตามข้อ 2 ถึง ข้อ 4 ไปเรื้อย ๆ โดยกิ่งที่เลือกทำเป็นยอดจะอยู่ในตำแหน่งตรงข้ามกันกับยอดที่เลี้ยงไว้เดิมจะทำให้ต้นไม้มีลักษณะคดงอแบบตัว S ซึ่งขนาดของลำต้นค่อย ๆ ลดขนาดลงจากฐานใหญ่ไปถึงยอดเรียวเล็กลง ดังรูป 6.เมื่อยอดเล็กก็สามารถนำไปเลี้ยงรายละเอียดต่อได้ ดังรูป

วันอังคารที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2552

การเลือกพันุธุ์ไม้ดัด

การคัดเลือกและเตรียมพันธุ์ไม้ดัด

ลักษณะรูปทรงของไม้หุ่น

ต้นไม้ที่นำมาทำเป็นไม้ดัดเราจะเรียกว่า "ไม้หุ่น" ลักษณะการได้มาของไม้หุ่นจะมาจาก 2 แหล่ง คือ
1. ได้จากต้นไม้ที่ขึ้นอยู่ในป่าตามธรรมชาติ ซึ่งอาจจะออกไปหาขุดเองหรือหาซื้อจากผู้ที่ขุดมาขาย
2. ปลูกเลี้ยงขึ้นมาเอง
ไม่ว่าจะหาไม้มาได้ในลักษณะใดก็ตาม การดัดตกแต่งจะยุ่งยากหรือจะต้องใช้เวลามากน้อยแค่ไหน ก็จะขึ้นอยู่กับรูปทรงของไม้หุ่นเป็นสำคัญโดยทั่ว ๆ ไปนักเลงไม้ดัดจำแนกรูปทรงไม้หุ่นไว้ 3 แบบ ด้วยกัน คือ
1. ไม้บรรจบป่า
2. ไม้บรรจบหุ่น
3. ไม้วิชา
ไม้บรรจบป่า จะเป็นไม้ที่ขึ้นอยู่ตามธรรมชาติ รูปทรงกิ่งก้านคดเคี้ยวไปมา เนื่องจากถูกสัตว์เหยียบย่ำหรือเป็นต้นไม้ที่ขึ้นอยู่ใต้พุ่มไม้ใหญ่ชนิดอื่น ๆ ทรงพุ่ม แลดูแคระแกร็นลักษณะทรงต้นดีเข้าที่เกือบใช้ได้แล้วอาจขาดเพียง 2-3 กิ่งเท่านั้นไม้ลักษณะนี้จึงเหมาะสมต่อการนำมาดัดให้ได้รูปทรง เพียงเพิ่มกิ่ง เพิ่มช่อใบ เว้นช่องไฟของช่อใบให้รับหุ่นหรือทรงต้น ก็จะทำให้เป็นไม้ดัดที่ดูงานได้ โดยใช้เวลาอีกไม่มากนัก การเลือกไม้ลักษณะนี้มาทำเป็นไม้ดัด อาจใช้เวลาเพียง 2-3 ปี ก็เสร็จสมบูรณ์
ไม้บรรจบหุ่น เป็นไม้ที่มีลักษณะรูปทรงหุ่นใกล้เคียงกับรูปแบบไม้ดัดที่จะทำ เพียงนำมาทำการดัดแต่งอีกเพียงเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็เริ่มทำกิ่งช่อต่อไปได้ไม้บรรจบหุ่นนี้เหมาะสำหรับนำมาดัดแต่งทำเป็นไม้ดัด ลักษณะไม้ตลก ไม้ขบวน ไม้เอนชายและไม้ญี่ปุ่นเท่านั้น
การเลือกไม้ลักษณะนี้มาทำเป็นไม้ดัด จะต้องใช้เวลานานอาจจะถึง 9 ปี จึงจะเสร็จสมบูรณ์
ไม้วิชา เป็นไม้ที่มีลักษณะทรงต้นเพียงท่อนเดียว จะนำมาทำเป็นรูปร่างอย่างไรไม่ได้เลย เป็นไม้หุ่นที่นำมาทำไม้ดัดยากที่สุด จะต้องนำมาเลี้ยงให้ต้นแตกกิ่งกระโดงใหม่แล้วจึงจะทำการปิดกระหม่อมหุ่น (การปิดกระหม่อม หมายถึง การที่ดัดกิ่งที่แตกใหม่มาทับรอยตัดของต้นต่อเดิม) เมื่อกิ่งกระโดงได้ขนาดและเชื่อมกับต้นตอได้ดีแล้ว ก็จะใช้กิ่งกระโดงนั้นเป็นหุ่นทำกิ่งช่อต่อไป ผู้ดัดจะต้องใช้ฝีมือ และมีความวิริยะอุตสาหะเป็นเลิศ จึงจะทำได้สำเร็จ การใช้ไม้ชนิดนี้มาทำไม้หุ่นต้องใช้เวลามากกว่าจะได้ไม้ดัดที่เสร็จสมบูรณ์อาจจะถึง 15-18 ปีก็ได้ ปีก็ได้ ไม้วิชานี้ถือว่าเป็นไม้ที่ใช้ทดสอบฝีมือผู้ดัดได้เป็นอย่างดี
การเตรียมพันธุ์ไม้ดัด

ในอดีตที่ผ่านมา ผู้ที่จะเลี้ยงไม้ดัดจะต้องไปเสาะหาไม้หุ่นจากป่าธรรมชาติซึ่งมีอยู่มากมาย การขุดก็ต้องค่อย ๆ ขุดล้อมโคนต้นให้มีดินติดมา ตัดกิ่งและรากที่ยาวเกินไปออก ใช้กระสอบหรือวัตถุอื่นปิดคลุมส่วนดินและรากเอาไว้ ในขณะที่เคลื่อนย้าย จะต้องระมัดระวังอย่าให้กระเทือนมาก
นำมาปลูกและใช้หลักปักยึดไว้ให้แน่น เพื่อป้องกันไม่ให้ต้นเอียงหรือล้มจะต้องปลูกทิ้งไว้สักระยะหนึ่ง รอจนต้นไม้ฟื้นตัว และแตกกิ่งก้านใหม่จึงจะค่อยเริ่มลงมือดัดตกแต่งตามต้องการ
ในปัจจุบันมีผู้ปลูกเลี้ยงไม้ดัดกันมากขึ้น จึงเกิดมีอาชีพขุดต้นตอขาย ผู้ที่อยู่ใกล้แหล่งธรรมชาติที่มีต้นตอขึ้นอยู่แล้วมากมาย จะเลือกขุดและนำมาพักเลี้ยงให้ฟื้นตัวดี เมื่อเริ่มแตกกิ่งก้านใหม่ จึงนำออกมาขายให้กับผู้ที่ต้องการปลูกเลี้ยงต่อไป
ในอนาคต คงจะต้องใช้วิธีปลูกเลี้ยงพันธุ์ไม้ขึ้นมาเอง เพราะพันธุ์ไม้ที่มีอยู่ตามธรรมชาตินับวันก็จะหายากและขาดแคลนมากขึ้นเรื่อย ๆ

วันอังคารที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2552


สวนป่า (Group Plantings) คือการจัดต้นไม้ในกระถางให้มองดูเหมือนป่าตามธรรมชาติ หลังจากที่เราเลี้ยงบอนไซแต่ละต้น จนมีรายละเอียดพอสมควร แล้วก็นำมาจัดส่วนป่า ในการจัดสวนป่านิยมใช้จำนวนต้นไม้เป็นเลขคี่

การจัดสวนป่ามีวิธีการดังนี้

  1. เตรียมกระถาง นำดินเผาเม็ดใหญ่หรือถ่านใส่กระถางในชั้นแรก แล้วรองพื้นด้วยดินผสม

2. แคะดินบริเวณรอบกระถางแล้วดึงบอนไซออกจากกระถางและตัดตุ้มไม้ให้เล็กลงและบาง

3. เริ่มวางต้นไม้ต้นที่ 1 จนถึงต้นสุดท้ายในกระถางที่เตรียมไว้ ซึ่งต้นที่ 1 เป็นต้นหลักจะมีลักษณะเด่นคือลำต้นจะใหญ่และสูงกว่าต้นอื่น โดยจัดวางไว้ในตำแหน่งกึ่งกลางของกระถางหรือเยื้องไปทางขวาหรือซ้ายของกึ่งกลางก็ได้และให้ต้นไม้เยื้องขึ้นมาด้านหน้า แล้ววางต้นที่ 2, 3, 4 ฯลฯ โดยแต่ละต้นเมื่อมองจากด้านหน้า ต้นที่อยู่ด้านหน้าจะไม้บังต้นที่อยู่ด้านหลังและต้นไม้จะต้องไม่อยู่ในลักษณะเป็นแถวตรง สำหรับต้นไม้ที่อยู่ด้านหลังจะต้นเล็กและเตี้ยกว่าทำให้สวนป่ามีความลึกเหมือนต้นไม้นั้นอยู่ไกลออกไป

4. เมื่อวางต้นไม้จนครบแล้วกลบดินโดยให้มีลักษณะเป็นเนินดินซึ่งบริเวณตรงกลางกระถางจะนูนกว่าดินบริเวณขอบกระถาง จะตกแต่งด้วยมอสหรือดินเผาหรือก้อนกรวดก็ได้และตัดแต่งกิ่งของไม้แต่ละต้นซึ่งเมื่อมองโดยรวมแล้วจะมีลักษณะเป็นพุ่มเดียวกัน

วันอังคารที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2552


จะหาตอไม้มาทำบอนไซได้ที่ไหน ในยุค ไอ เอ็ม เอฟ ?

สถานที่ซึ่งพอจะหาซื้อตอไม้มาทำเป็นไม้แคระได้ ที่สะดวกที่สุดก็เห็นจะเป็นที่ตลาดนัดสวนจตุจักร ซึ่งถ้าจะไปเดินดูในวันหยุดเสาร์อาทิตย์ ก็จะต้องจ่ายเยอะหน่อย แต่มีอีกทางหนึ่งที่พอจะทำให้หาไม้เกรดเดียวกัน กับที่วางขายในตลาดนัดช่วงเสาร์อาทิตย์ แต่ในสนนราคาที่ย่อมเยากว่าได้ แต่ต้องลงทุนตื่นเช้าหน่อย คือวันพุธเช้ามืด คนที่อยากได้ตอไม้ลักษณะต้องตาต้องใจ ต้องไปถึงสวนจตุจักร ทางประตูด้านถนนกำแพงเพชร 1 แต่ต้องไม่สายกว่าตีห้า อย่าลืมเอาไฟฉายไปด้วย เมื่อไปถึงจะเห็นรถปิคอัพและรถบรรทุกจอดรอลงต้นไม้นับสิบๆ คัน เป็นไม้ตุ้มบ้าง ไม้ตอบ้าง ไม้ใหญ่ที่ล้อมมาขายนักจัดสวนก็มีเยอะ ลองเดินดู ไฟฉายที่เอาไปด้วยนั่นแหละ ใช้ส่องดูตอที่วางไว้ลึกๆ เรามองไม่เห็น เพราะตีห้ายังมืดตื๋ออยู่ ชอบใจต้นไหนก็จองกันตั้งแต่บนรถเลย ต่อรองราคากันให้เรียบร้อย อาจถึงต้องวางมัดจำกันบ้างสำหรับการซื้อขายยุค ไอ เอ็ม เอฟ ทีนี้พอประตูสวนเปิดให้รถเข้า ก็ตามรถคันนั้นเข้าไปเลย คนขายก็จะลำเลียงไม้ลง เราก็รีบเอาไม้ที่หมายตาไว้ออกมา ขืนช้าอาจมีคนอยากได้มาให้ราคาสูงกว่า คนขายอาจโลภมากขายไปทั้งๆ ที่เราวางมัดจำไว้แล้ว ผู้เขียนเคยเจอในกรณีนี้ ทั้งๆ ที่เราเป็นลูกค้าประจำ เล่นเอาอารมณ์เสีย เลิกคบกันไปเลย

การเลี้ยงและดัดให้ได้รูปทรง::

ในที่นี้จะอธิบายถึงการเลี้ยงและดัดรายละเอียดให้ได้รูปทรง สำหรับต้นไทรจีนต้นนี้เป็นไม้ที่นำเข้ามาจากประเทศจีนมีโคนต้นที่สวยรากออกรอบต้น แต่รายละเอียดของกิ่งไม่เหมาะสม มีกิ่งที่ยาวเกินไปไม่ได้สัดส่วน ดังนั้นจึงตัดให้สั้นลงเพื่อเลี้ยงรายละเอียดใหม่ ให้มีความสมดุลเหมาะสมกับลำต้นและต้องการเลี้ยงให้จบเร็ว ในระยะเริ่มต้น ควรเลี้ยงในกระถางที่ใหญ่ก่อน เพื่อจะให้ไม้ที่จะเลี้ยงได้ดินมาก ๆ ดินที่ใช้ปลูกควรร่วนซุย สำหรับต้นไทรนี้จะเป็นดินขุยไผ่ก็ได้ ดินควรเป็นเม็ดหากดินละเอียดจะจับตัวเป็นเนื้อเดียวกันเร็วกว่าดินที่เป็นเม็ด ดินควรมีส่วนผสมของดินเผาหรือกระถางที่ทุบให้เป็นเม็ด เพื่อจะช่วยให้ดินไม่จับตัวเป็นเนื้อเดียวกันและยังดูดซับน้ำไว้ ช่วยให้ดินมีความชุ่มชื้นตลอดเวลา และควรตัดตุ้มไม้ให้บางจนถึงราก แต่ต้องมีรากพอสมควรหากในอนาคตเราเปลี่ยนใส่กระถางบางจะได้ไม่มีปัญหา เพราะถ้าไม่ตัดให้บางไว้แต่แรกแล้วไปตัดตุ้มให้บางในภายหลังอาจทำให้ตายได้ และไม่ควรใส่ปุ๋ยสำหรับไม้ปลูกใหม่

วันพฤหัสบดีที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2552


ไม้เขน






ไม้เขนจะแตกต่างจากไม้ดัดชนิดอื่นตรงที่ให้ความสำคัญกับทรงต้น โคนต้นจะต้องมีปุ่มมีตา กิ่งต่ำสุดต้องดัดลงให้อยู่ตรงข้ามกับกิ่งที่ 2 และกิ่งยอด และกิ่งยอดต้องหักเอี้ยวลงมาข้างหลังก่อนแล้วจึงดัดวกกลับขึ้น กิ่งที่ 2 ดัดให้ได้จังหวะรับกับกิ่งยอด ไม้เขนนี้นิยมทำกิ่งและช่อพุ่มใบ 3 ช่อ จึงจะดูสวยงาม


ไม้ป่าข้อม






ไม้ป่าข้อม ทรงต้นจะตรงขึ้นไปถึงยอด ตรงโคนมีปุ่มรอยตัด ดัดแต่งกิ่งให้วนเวียนรอบๆ ต้นขึ้นไป กำหนดให้ทำ 3 กิ่งๆ ละ 3 ช่อ รวมเป็น 9 ช่อ และต้องจัดทำกิ่งและช่อให้สม่ำเสมอ และจะทำตอแอบ (ต้นไม้เล็กที่ขึ้นตรงโคนต้น) หรือไม่ก็ได้


ไม้ฉาก






ไม้ฉาก ลักษณะทั้งทรงต้นและกิ่งดัดแต่งให้เป็นรูปมุมฉาก ส่วนปลายกิ่งก็จะตัดแต่งให้เป็นพุ่มใบ โดยนิยมทำเป็น 9 ช่อไม้ฉากเป็นไม้ดัดที่ดัดยากที่สุด ผู้ที่ดัดจะต้องเป็นผู้มีฝีมือและมีความวิริยะ อดทนสูงมากจึงจะทำได้

วันอังคารที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2552


ดังที่ได้กล่าวมาแล้วในส่วนของบทนำ คำว่าบอนไซเป็นภาษาญี่ปุ่น หมายถึง "ต้นไม้แคระ" ซึ่งก็หมายถึงว่า เป็นต้นไม้ที่ปกติจะมีขนาดสูงใหญ่ท่วมหัว เช่นตะโก มะขามเทศ ข่อย และอื่นๆ เราเอามาเลี้ยงในกระถางเล็กๆ บังคับไม่ให้ต้นโต แต่มีการดัดกิ่ง ตกแต่งลำต้น และกิ่งก้านให้มองดูเหมือนกับ เอาต้นไม้ใหญ่ๆ มาย่อส่วนลง โดยยังคงลักษณะรูปทรงเดิมของไม้นั้นๆ อยู่ และมิหนำซ้ำพอถึงฤดูกาล ที่ไม้ชนิดนั้นต้นใหญ่ๆ ออกดอกออกผล ไม้แคระของเราก็ควรจะมีดอกมีผลกับเขาด้วยเหมือนกัน ฉะนั้นก็คงพอเป็นที่เข้าใจได้แล้วว่า คำว่า"บอนไซ"เป็นคำรวม อันหมายถึงต้นไม้ทุกชนิด ที่เอามาทำให้เป็นไม้แคระ

วันพฤหัสบดีที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2552


ไม้ขบวน


ไม้ขบวน มีลักษณะทรงต้นตรงหรือคดเล็กน้อย เป็นไม้ดัดที่มีทรงต้นต่ำ ดัดกิ่งให้วกเวียนขึ้นไปวนสุดยอด แต่ไม่กำหนดรูปทรงแน่นอนจะดัดพลิกแพลงอย่างไรก็ได้ แต่จะต้องจัดช่อพุ่มใบให้จังหวะช่องไปดูพอเหมาะพอดีและแต่งให้เรียบร้อย โดยทั่วไปนิยมทำเป็น 9 ช่อ
เนื่องจากไม่มีการกำหนดรูปทรงที่แน่นอน การดัดแต่งช่อพุ่มทำได้ง่ายกว่าไม้ดัดชนิดอื่นๆ จึงได้รับความนิยมมากกว่าไม้ดัดชนิดอื่นๆ

วันอังคารที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2552


ไม้เอนชาย หรือเอนชายมอ






ไม้เอนชายลำต้นขึ้นตรงแล้วเอนออกไปด้านข้าง ดูเหมือนต้นไม้ที่ขึ้นตามหน้าผา หรือริมตลิ่ง โดยมีรากยึดเกาะด้านข้าง ส่วนมากมักเป็นหุ่นไม้จากป่า แล้วนำมาดัดแต่งกิ่งและช่อใหม่ ไม้เอนชายนี้เข้าใจว่าเดิมนิยมปลูกเพื่อข่มเขาหรือล้อรูปเขา ด้านหลังเขามอ


ไม้กำมะลอ






ไม้กำมะลอจะมีลักษณะทรงต้นตรงขึ้นไป จะมีกิ่งที่โคนหรือไม่มีก็ได้ แต่ต้องดัดส่วนยอดให้หันเหหมุนเวียนจากยอดวกวนชี้ลงล่างไม่ว่าจะเป็นลักษณะใด หรือยักเยื้องพิสดารเท่าไร ก็จะยิ่งสมชื่อไม้กำมะลอ คือไม่ใช่ของจริง จะมีกิ่งและช่อมากน้อยเท่าไรก็ไม่กำหนด เพียงแต่ให้ดูเข้ารูปทรงสวยงามก็พอ

วันศุกร์ที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2552


ไม้ตลก


ไม้ตลกเป็นไม้ดัดที่ตั้งใจให้ผู้พบเห็นแปลกตาทำนองตลกขบขัน โดยจะมีทั้งที่เป็นไม้ตลกหัว คือลำต้นส่วนบนสุดจะเป็นก้อนกลุ่มยิ่งใหญ่โตเท่าไหร่ยิ่งดี ลำต้นส่วนอื่นเป็นกระปุ่มกระป่ำ มีกิ่งมีช่อน้อย ส่วนไม้ตลกราก จะมีรากลอยหรือรากบางส่วนโผล่พื้นดิน แต่ถ้าจะให้สวยงามจริงจะต้องมีทั้งตลกหัวและตลกรากอยู่ในต้นเดียวกัน และทำช่อกิ่งเพียงเล็กน้อยจึงจะดูสวยงาม

วันพฤหัสบดีที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2552

  1. ประวัติ
  2. ผมชื่อเด็กชาย อภิสิทธิ์ ศรนรินทร์ ชื่อ เจม
  3. อายุ14กำลังศึกษาอยู่ที่โรงเรียนเขาย้อยวิทยา
  4. ระดับมัธยมศึกษาปีที่2/5 บ้านเลขที่38 หมู่2 ตำบลห้วยโรง อำเภอเขาย้อย จังหวัด เพชรบุรี